Back

“ปริม กุญชนิดา” กับการเปลี่ยนแปลงทางสายอาชีพ จากทนาย สู่นักข่าวช่อง 8

ส่งต่อข่าวนี้
  • Facebook
  • Twitter
  • Line
  • Copy Link

การได้มาอยู่ช่อง 8 ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ถือเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่เราเลือกว่าอยากจะพัฒนาประสบการณ์ตัวเองในหน้าจอให้เต็มที่ จนตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่กลับไปสอบผู้พิพากษา เพราะเราเจอตัวตนที่เป็นแรงบันดาลใจของเราแล้ว

“ปริม กุญชนิตา” เผยแรงบันดาลใจจากทนายสาวจากสู่นักข่าวช่อง 8
“ปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”

หญิงสาวผมยาวประบ่าที่มาในชุดเดรสเข้ารูปดูทะมัดทะแมงเหมาะกับบุคลิกท่าทีมั่นใจในตัวเอง ได้นั่งรอพร้อมก่อนเวลานัดสัมภาษณ์บทความพิเศษของเราในวันนี้ เธอมีดีกรีที่พิสูจน์ความสามารถยาวเป็นหางว่าวจนเราเองก็ต้องตกใจ แม้จะได้อ่านประวัติมาแล้วคร่าวๆ แต่เรื่องราวที่เธอเล่ากลับทำให้รู้สึกทึ่งยิ่งกว่า เพราะคิดไม่ถึงว่าคนๆ หนึ่งจะสั่งสมประสบการณ์ได้มากมายตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ด้วยความเป็นนักกิจกรรมตัวยงเธอได้เป็นทั้งประธานค่ายอาสามูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์, ดรัมเมเยอร์, เชียร์ลีดเดอร์, แสดงละครเวที และที่ภูมิใจมากที่สุดคือได้เข้าเฝ้ารับโล่พระราชทานรางวัลกุลธิดากาชาด ของสภากาชาดไทย ปี 2554 จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ซึ่งทุกวันนี้นักข่าวสาวช่อง 8 อย่างปริม กุญชนิตา เธอก็ยังทำงานจิตอาสาให้สภากาชาด ไปพร้อมๆ กับศึกษาจนจบปริญญาตรี-โท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งสอบเนติบัณฑิต ได้ใบอนุญาตทนายความ และอยู่ระหว่างการสอบผู้พิพากษา จนเราเกิดความสงสัยว่า “ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา” ผู้ประกาศข่าวสาว รายการข่าวเด่น ช่อง 8 ในเครือ RS แขกรับเชิญพิเศษคนนี้ เธอมีแรงบันดาลใจจากไหน ถึงได้มีพลังแรงผลักดันในการดำเนินชีวิตมากมายเพียงนี้

ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยากับบทบาทนักข่าวช่อง 8
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา” ผู้ประกาศข่าวสาว รายการข่าวเด่น ช่อง 8 ในเครือ RS

เล่าประวัติความเป็นมา กว่า ‘ปริม กุญชนิดา’ จะมาเป็นผู้ประกาศข่าวสาวสวย

ปริม กุญชนิดา กล่าวว่า “ตอนเรียนอยู่ปี 4 นิติศาสตร์ ปริม ได้ไปประกวดเวทีนางสาวไทย ปี 2555 ก็ติด 1 ใน 10 แล้วพอดีช่วงนั้น ช่อง 9 รับคนที่เข้ารอบ 18 คน มาเคสติ้งเป็นพิธีกร ซึ่ง ปริม ก็เป็น 1 ใน 4 คนที่ได้รับคัดเลือก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานหน้าจอ เป็นพิธีกรได้ประมาณ 1 ปี จนเรียนจบ ก็ได้ไปทำงานประจำอยู่ที่สำนักงานที่ปรึกษากฎหมายสากล (International Law firm) แต่ทำได้สักพักก็รู้ตัวเองว่า

‘ฉันทำงานหลังจอไม่ได้’

ก็คิดทบทวนว่างานผู้ประกาศข่าว แม้จะไม่ใช่งานในฝันตอนเด็กแต่ก็เป็นงานที่เหมาะสม กับตำแหน่งหน้าที่ที่เรียนกฎหมายมา ได้ใช้ความรู้ในลักษณะที่พูดจาฉะฉาน น้ำเสียงเพราะ แล้วจังหวะทางช่อง 7 เปิดรับสมัครโครงการผู้ประกาศข่าวรุ่นใหม่ ก็เลยตัดสินใจไปแคสติ้ง จาก 3,000 คนคัดเหลือ 200 เหลือ 40 จนได้ 10 คนสุดท้าย ที่ได้ทำงานบรรจุเป็นพนักงานประจำ ตำแหน่งผู้ประกาศข่าวอยู่ 4 ปี ได้ฝึกทำงานทุกอย่างทั้งหลังจอจนถึงหน้าจอ เช่น ทำสกู๊ปเอง คิดประเด็นเอง เขียนสคริปต์เอง ถ่ายเองก็มี เคยไปอยู่มาเลเซีย 22 วันในงานกีฬาซีเกมส์ ส่วนข่าวการเมืองก็เคยอยู่ทำเนียบ 1 ปี วิ่งตามข่าววัดธรรมกายก็มี

ซึ่งในระหว่างนี้เราก็ยังไม่ทิ้งกฎหมายนะคะ เราเรียนไปด้วย จนได้ตั๋วทนายความ ได้เนติบัณฑิต แต่ลึกๆ ในใจเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำได้ดี และตอบสนองความรักในการทำงานของเราคือการได้ทำงานหน้าจอแต่การจะไต่ไปให้ถึงจุดนั้นก็ไม่ได้ง่าย เลยตัดสินใจลาออก ซึ่งการออกมาครั้งนั้นก็ทำให้เราได้เห็นภาพกว้างขึ้นได้รู้จักคนทั้งอุตสาหกรรมข่าว ด้วยความที่เราไม่ได้เรียนมาสายตรงด้านสื่อสารมวลชนไม่มีคอนเนคชั่น แต่ระหว่างนั้นก็ลองสอบผู้พิพากษาไปพร้อมๆ กับหางานจนได้มีโอกาสทำในฝ่ายกฎหมายที่ค่ายเพลงหนึ่ง ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property)

ปริมได้มีโอกาสทำงานประมาณ 3 เดือน ได้เจอพี่น้องในวงการเค้าก็แนะนำให้ไปแคสติ้งเป็นผู้ประกาศข่าวในเครือ ทำมาได้ 2 เดือน มีความสุขมาก แต่จู่ๆ ทางช่องกลับประกาศยกเลิกทำข่าว และย้ายเราไปเป็นพิธีกรรายการโน่นนี่แทนอยู่ประมาณเกือบปี จนเรียนจบปริญญาโท ทาง พี่โจ-ธีระ ธัญญอนันต์ผลบรรณาธิการบริหารสายงานข่าว ช่อง 8 ก็ชวนมาแคสติ้งที่อาร์เอส จนมีโอกาสได้มาเป็น ผู้ประกาศข่าวเด่น ช่อง 8 ตอนนี้ก็เข้าเดือนที่ 4 แล้วค่ะ มีความสุขมากเพราะเป็นงานที่เราปรารถนาอยากจะพัฒนาฝีมือของเราที่เราได้ค้นเจอมาแล้ว และรู้สึกว่าการที่ได้ทำงานทุกวันก็เป็นการได้ปล่อยของเราทุกวัน ก็คงจะปักหลักอยู่ที่นี่อีกยาวนานค่ะ”

ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา กับเส้นทางสู่การเป็นนักข่าวช่อง 8
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”

ให้สาวปริม กุญชนิตลองย้อนถึงแนวคิดวัยเรียน ทำไมถึงเลือกศึกษาด้านกฎหมาย

“ตอนเด็กๆ ปริม อยากเป็นนักการทูตนะคะ ตั้งความฝันไว้เลยว่าอยากจะเรียนรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ แต่ด้านคุณพ่อคุณแม่ก็มีฝันอยากให้ลูกเป็นผู้พิพากษา ก็โน้มน้าวว่า เรียนนิติฯก็เป็นทูตได้ คือเรียนนิติฯอย่างน้อยที่สุดเป็นวิชาชีพ คือมีอาชีพทนายความรองรับ ก็เลยไปลองเข้าพรีแคมป์ของคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ก่อนที่จะเอ็นทรานซ์ ซึ่งรู้สึกว่าตอบโจทย์ที่เราเป็นคนชอบเรื่องการบ้านการเมือง ปัญหาสังคม ยิ่งเป็นเด็กที่ทำกิจกรรมเยอะ มีความเป็นผู้นำ ทำค่ายอาสาอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะสอบตรงแอดมิชชั่นเข้าที่ธรรมศาสตร์ค่ะ”

ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา เล่าถึงแนวคิดเลือกการศึกษาด้านกฎหมาย
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”

ถ้าให้สาวปริม กุญชนิตาเปรียบเทียบความท้าทาย ระหว่างวิชาชีพทนาย กับผู้ประกาศข่าว

“ถ้าในส่วนที่ท้าทายเหมือนกัน คือทักษะการสื่อสาร เป็นเรื่องที่ตัวทนายความและผู้ประกาศข่าวต้องมี แต่จะต่างกันตรงที่ทนายความจะมีความซับซ้อนในเรื่องของคดี การจะโน้มน้าวพยานหลักฐานในศาล การซักถาม ถามติงถามค้าน คุณจะต้องเรียนรู้สเต็ปในการใช้คำถามเพื่อที่จะให้เค้าตอบ หรือจะต้องโยนคำถามแบบไหนเพื่อที่เค้าจะได้ไม่ตอบ เป็นลูกล่อลูกชนสไตล์ทนายความ ซึ่งถ้าวันหนึ่งปริมเป็นพิธีกรรายการทอล์ค หรือถามคำถามแขกรับเชิญ คิดว่าบุคลิกแบบนี้จะเสริมกัน เพราะปริมรู้สึกว่าผู้ประกาศข่าวยุคนี้ ไม่ใช่แค่หน้าตาสวยอ่านข่าวให้ฟังง่ายใช้คำสวยๆ แต่เราอยู่ในยุคแบรนด์ดิ้งที่ตัวผู้ประกาศข่าวเองก็ต้องค้นคว้าหาตัวตนจุดเด่นที่แข็งแรง และไม่เหมือนใครด้วย

การสร้างแบรนด์ดิ้งสำหรับปริมคือวิธีการอ่านข่าวเล่าข่าวจนคนดูเค้าจำได้ว่า เธอมีกลิ่นของความเป็นนักกฎหมาย มีความเป็นทนายความอยู่ด้วยวิธีการพูดแบบฉะฉานไม่เหมือนใคร หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องนั้นๆ แบบมีตรรกะที่นักกฎหมายเรียกว่า Legal Mind (สัญชาตญาณของนักกฎหมาย) หรือคนทั่วไปฟังแล้วรู้สึกว่าเราเป็นคนมีเหตุมีผลในเรื่องนั้นค่ะ อย่างการที่เราต้องเหนื่อยในการฝึกฝนทั้งสองวิชาชีพนี้ตั้งแต่ช่วงเด็กๆ มันส่งผลดีตรงนี้ ทั้งการที่ปริมเรียนกฎหมาย ต่อเนื่องถึงเรื่องการว่าความ เป็นทนายความ และเรียนต่อในชั้นเนติบัณฑิต การได้รับเกียรติเลือกตั้งเป็นประธานรุ่น จนถึงการเรียนจบปริญญาโท เหล่านี้เป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ในการเป็นผู้ประกาศข่าวของปริมโดดเด่น ซึ่งคิดว่าวันหนึ่งที่ปริม โตกว่านี้ มีประสบการณ์มากกว่านี้ ก็น่าจะมีแววอะไรที่ฉายออกมา และคิดว่าน่าจะเป็นความท้าทายค่ะ”

“ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา” เปรียบเทียบความท้าทายระหว่างวิชาชีพทนายกับผู้ประกาศข่าว”
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”

เปิดแรงบันดาลใจจากทนายสาว สู่ผู้ประกาศข่าวเด่น ช่อง 8

“การได้เป็นนักข่าวอยู่ช่อง 8 ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ ถือเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่เราเลือกว่าอยากจะพัฒนาประสบการณ์ตัวเองในหน้าจอให้เต็มที่ จนตอนนี้ตัดสินใจได้แล้วว่าจะไม่กลับไปสอบอัยการ หรือผู้พิพากษาอีกแล้ว เพราะเราเจอตัวตนที่เป็นแรงบันดาลใจแรงผลักดันของเราแล้ว ซึ่งต้องขอบพระคุณทาง พี่โจ-ธีระ บก.บห. ที่ให้โอกาสเราได้ทำตามความฝัน จากที่ก็เกือบถอดใจจะไม่กลับมาสู่เส้นทางนี้แล้ว ท้ายที่สุดก็ได้กลับมาพิสูจน์ฝีมือกับทาง ช่อง 8 ซึ่งมีความแข็งแกร่งของผู้ประกาศข่าวทุกคนที่มีความเก่งฉกาจในการเล่าข่าวยากๆ ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจง่าย

พอ ปริม ได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศการทำงานและการเป็นนักข่าวช่อง 8 ได้เห็นวิสัยทัศน์ของทางผู้บริหาร RS เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ และคุณเหน่ง-นงลักษณ์ งามโรจน์ ทุกท่านมี Passion มีแรงบันดาลใจในการที่จะทำงานไปสู่เป้าหมายคือ Passion to Win ซึ่งก็ตรงกับคติพจน์ประจำใจของตัวเองในการที่จะทำอะไรแบบกัดไม่ปล่อยตั้งใจทำแบบมืออาชีพแล้วมันก็ตอบโจทย์ชีวิตที่เราอยากเป็นมืออาชีพ เข้าใจตลาด และจรรยาบรรณของการเป็นสื่อมวลชนที่ดี มีทีมงานที่ดีพร้อม มีเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งต้องบอกเลยว่าบรรยากาศการทำงานสิ่งแวดล้อมของช่อง 8 และ RS ถือว่าเป็นส่วนสำคัญมากๆ ที่ทำให้ ปริมตัดสินใจในการที่จะเข้ามาร่วมงานกับทางช่อง 8 ทั้งในการที่เราได้รับพื้นที่เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเองและตั้งใจว่าเราจะเติบโตไปกัน Passion to Win ค่ะ”

 “คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา” เปิดแรงบันดาลใจจากทนายสาว สู่ผู้ประกาศข่าวเด่น ช่อง 8
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”

ตอนนี้ปริม กุญชนิตาได้เป็นทั้งนักกฎหมาย นักข่าวช่อง 8และนักธุรกิจแล้ว อนาคตมีแผนอยากทำอะไรไหม

ปริม กำลังจะไปเรียนปริญญาเอก ซึ่งทำให้เราสามารถเป็นอาจารย์ได้อีกหนึ่งอาชีพ และถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว เร็วๆ นี้ ปริม อยากรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ คนรุ่นใหม่เปิดสถาบันสอนด้านกฎหมาย หรือ Hub เป็นศูนย์ Training อบรม สัมมนา และช่วยเหลือคนในสังคมที่มีปัญหาด้านกฎหมาย เช่น ผู้หญิง เด็ก ทำเพจออนไลน์ และทำคลิปให้ความรู้ ซึ่งถ้าวันหนึ่งกลุ่มนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ ก็น่าจะต่อยอดไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนได้ มีผู้สนับสนุน อาจจะมีขาหนึ่งเป็น NGO อีกขาเป็นธุรกิจสอนหนังสือ ปริม คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ แต่ต้องรอสั่งสมคอนเนคชั่น ประสบการณ์ เงินทุน และเพื่อน ก็เป็นสิ่งที่อยากทำมากที่สุด ยืนยาวมากที่สุด และน่าจะเป็นมรดกของปริม ที่อยากจะสร้างให้ครบวงจรมากที่สุดค่ะ”

“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา” เผยแผนในอนาคต
“คุณปริม-กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา”